ประวัติสนามหลวง
ท้องสนามหลวงในสมัยสร้างกรุงใหม่ๆ นั้นคับแคบกว่าปัจจุบันมาก เพราะอยู่ในระหว่างวังหลวงกับวังหน้า มีบริเวณประมาณครึ่งหนึ่งของปัจจุบัน ครั้นถึงรัชกาลที่ 5 เมื่อยุบวังหน้าแล้วจึงได้ขยายอาณาเขตสนามหลวงออกไปทางด้านเหนือ ทางด้านตะวันออกก็รวมเอาถนนจักรวรรดิวังหน้าเข้าไปเป็นสนามด้วย ทำให้สนามกว้างขวางมากขึ้น และคำว่า ท้องสนามหลวง นั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงบัญญัติให้ใช้เรียกมาตั้งแต่ พ.ศ. 2398 ตั้งแต่ครั้งที่ยังเป็นท้องนาเล็กๆ อยู่หน้าวัดมหาธาตุฯ
การทำนาที่ท้องสนามหลวงเริ่มมีมาแต่รัชกาลที่ 3 เพราะมีพระราชประสงค์จะให้ปรากฏแก่นานาประเทศว่า เมืองไทยอุดมสมบูรณ์ด้วยข้าวปลาอาหาร ถึงรัชกาลที่ 4 ก็ยังมีการทำนากันอยู่
ในรัชกาลที่ 5 ได้ใช้พลับพลาท้องสนามหลวงที่มีอยู่เดิมทำพระราชพิธีพืชมงคล แรกนาขวัญ และพิรุณศาสตร์ ตลอดมา ส่วนการทำนาย้ายไปทำที่ทุ่งพญาไท นอกจากทำนา ในเวลาหน้าแล้งเมื่อจะพระราชทานเพลิงศพเจ้านาย ต้องสร้างพระเมรุ ก็สร้างที่ท้องสนามหลวงนี้ แต่ก็เป็นการนานๆครั้ง สนามหลวงจึงมีชื่อเรียกว่า "ทุ่งพระเมรุ" อีกชื่อหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ชื่อที่ถูกต้อง
สนามหลวงภายหลังจากขยายให้กว้างขวางแล้ว ได้ใช้เป็นที่จัดงานใหญ่หลายครั้ง เช่นเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินกลับจาก ประพาสยุโรปครั้งแรกถึงพระนครเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2440 ได้มีการแสดงรับเสด็จ โดยดัดแปลงสนามหลวงให้เป็นป่าและสร้างบ้านเมืองให้คล้ายของจริง เพื่อใช้สำหรับเป็นฉากเล่นโขนกลางแปลง
ครั้นถึง พ.ศ. 2442 สมเด็จฯเจ้าฟ้าฯกรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ (ขณะนั้นดำรงพระยศเป็นสมเด็จฯเจ้าฟ้าฯกรมขุนพิษณุโลกประชานาถ) ซึ่งทรงศึกษาวิชาทหาร ณ ประเทศรัสเซีย ได้เสด็จกลับมาเยี่ยมประเทศไทยชั่วคราว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการรับเสด็จเป็นการเอิกเกริก เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2442 อีกครั้งหนึ่ง โดยจัดให้มีการเล่นสงครามบุปผชาติ และมีการตกแต่งจักรยานสองล้อด้วยดอกไม้อย่างงดงาม แล้วเล่นขี่จักรยายขว้างปากันด้วยกระดาษลูกปาและกระดาษสายรุ้ง เป็นที่สนุกสนานยิ่งนัก
นอกจากนี้สนามหลวงยังเคยใช้เป็นสนามกอล์ฟ สนามว่าว และสนามแข่งม้าของราชกรีฑาสโมสรในสมัยแรกอีกด้วย ส่วนปัจจุบันสนามหลวงได้ใช้เป็นสนามอเนกประสงค์ เช่น เคยเป็นที่เปิดไฮด์ปาร์ก เป็นที่หาเสียงเลือกตั้ง และการชุมนุมประท้วง เป็นตลาดนัดจัดงานตามเทศกาลต่างๆ อีกมากมายหลายอย่าง
ปัจจุบันสนามหลวงกลายเป็นที่นัดพบของคนหลายกลุ่มที่ถูกสังคมทอดทิ้ง คุณมีความคิดเห็นในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง