Studies and career in Europe[edit]H

Studies and career in Europe[edit]
Habibie started to study aviation and aerospace at the University of Delft (Netherlands) but for political reasons (West New Guinea dispute, which involved Netherlands and Indonesia), he had to continue his study in Aachen, Germany.[2]

He was appointed a Fellow[1] of the Royal Academy of Engineering[1] in 1990.

In 1960, Habibie received a degree in engineering in Germany, giving him the title Diplom-Ingenieur. He remained in Germany as a research assistant under Hans Ebner at the Lehrstuhl und Institut für Leichtbau, RWTH Aachen to conduct research for his doctoral degree.[3]

In 1962, Habibie returned to Indonesia for three months on sick leave. During this time, he was reacquainted with Hasri Ainun, the daughter of R. Mohamad Besari. Habibie had known Hasri Ainun in childhood, junior high school and in senior high school at SMA-Kristen, Bandung. The two married on 12 May 1962, returning to Germany shortly afterwards.[4] Habibie and his wife settled in Aachen for a short period before moving to Oberforstbach. In May 1963 they had a son, Ilham Akbar Habibie.

When Habibie's minimum wage salary forced him into part-time work, he found employment with the automotive marque Talbot, where he became an advisor. Habibie worked on two projects which received funding from Deutsche Bundesbahn.

Due to his work with Makosh, the head of train constructions offered his position to Habibie upon retirement three years later, but Habibie refused.[5][clarification needed]

In 1965, Habibie delivered his thesis in aerospace engineering and received the grade of "very good" for his dissertation, giving him the title Doktor der Ingenieurwissenschaften. During the same year, he accepted Hans Ebner's offer to continue his research on Thermoelastisitas and work toward his Habilitation, but he declined the offer to join RWTH as a professor per se. His thesis about light construction for supersonic or hypersonic states also attracted offers of employment from companies such as Boeing and Airbus, which Habibie again declined.[6]

Habibie did accept a position with Messerschmitt-Bölkow-Blohm in Hamburg. There, he developed theories on thermodynamics, construction, and aerodynamics known as the Habibie Factor, Habibie Theorem, and Habibie Method, respectively. He worked for Messerschmit on the development of the Airbus A-300B aircraft. In 1974, he was promoted to vice president of the company.[7]

Habibie's time in Europe may have contributed to his interest in Leica cameras.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การศึกษาและอาชีพในยุโรป [แก้ไข]Habibie เริ่มเรียนการบินและการบินและอวกาศยานวิศวกรรมที่มหาวิทยาลัยของ Delft (เนเธอร์แลนด์), แต่เขามีการศึกษาในประเทศเยอรมนี Aachen เหตุผลทางการเมือง (นิวกินีตะวันตกข้อโต้แย้ง ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์และอินโดนีเซีย), [2]เขาได้เป็นเพื่อน [1] ของที่รอยัลวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ [1] ในปี 1990ใน 1960, Habibie ได้รับปริญญาวิศวกรรมในประเทศเยอรมนี ให้เขาชื่อ Ingenieur ประกาศนียบัตรของเขา เขายังคงในเยอรมนีเป็นผู้ช่วยวิจัยภายใต้ Ebner ฮันส์ที่ Lehrstuhl แดนสถาบัน für Leichtbau, RWTH Aachen เพื่อดำเนินการวิจัยสำหรับปริญญาเอกของเขา [3]ในปี 1962, Habibie กลับไปอินโดนีเซียสามเดือนลาป่วย ในช่วงเวลานี้ เขาได้ reacquainted กับ Hasri Ainun ลูกสาวของ r. Mohamad Besari Hasri Ainun Habibie รู้จักในวัยเด็ก มัธยมตอนต้น และมัธยมปลายในโรงเรียนคริสเตียนสูง บันดุง ทั้งสองแต่งงานบน 12 1962 พฤษภาคม แสดงความเยอรมนีในไม่ช้าหลังจากนั้น [4] Habibie และภรรยาแล้วได้แก่ในระยะสั้น ๆ ก่อนที่จะย้ายไป Oberforstbach ใน 1963 พฤษภาคม มีบุตร Ilham สาน Habibieเมื่อเงินเดือนค่าจ้างขั้นต่ำของ Habibie บังคับเขาไปทำงานชั่วคราว เขาได้พบกับมาร์เกยานยนต์เทลบอท ที่เขาเป็นเจ้าหน้าที่ที่ทำงาน ทำงานในสองโครงการที่ได้รับ AG ต้องไปชมดอยช์จาก Habibie ให้เนื่องจากงานของเขากับ Makosh หัวรถไฟก่อสร้างเสนอตำแหน่งเขา Habibie เมื่อเกษียณอายุ 3 ปี แต่ปฏิเสธ Habibie [5] [ชี้แจงที่จำเป็น]ในปี 1965, Habibie ส่งวิทยานิพนธ์ของเขาในสาขาวิศวกรรมอากาศยาน และรับเกรดของ "ดีมาก" สำหรับวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของเขา ให้เขาเรื่อง Doktor der Ingenieurwissenschaften ในช่วงปีเดียวกัน เขายอมรับฮันส์ Ebner เสนอต่อเขาวิจัย Thermoelastisitas และงานของเขาต่อการ Habilitation แต่เขาปฏิเสธข้อเสนอร่วมอาจารย์สหรัฐ RWTH ต่อ se วิทยานิพนธ์ของเขาเกี่ยวกับก่อสร้างแสงสำหรับอเมริกาเหนือ หรือ hypersonic ดึงดูดยัง มีการจ้างงานจากบริษัทโบอิ้งและแอร์บัส ซึ่ง Habibie ปฏิเสธอีก [6]Habibie ไม่ยอมรับตำแหน่งกับเมสเซอร์ชมิตต์-Bölkow-Blohm ในฮัมบูร์ก มี เขาได้พัฒนาทฤษฎีเกี่ยวกับอุณหพลศาสตร์ ก่อสร้าง และ aerodynamics ที่เรียกว่า ปัจจัย Habibie ทฤษฎี บท Habibie และ วิธี Habibie ตามลำดับ เขาทำสำหรับ Messerschmit ในการพัฒนาเครื่องบินแอร์บัส A มูลค่า 300 บาท 1974 เขาได้เลื่อนขั้นเป็นรองประธานของบริษัท [7]อาจมีส่วนของ Habibie ครั้งในยุโรปในกล้องไลก้า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาและอาชีพในยุโรป [แก้ไข]
ฮาบิบีเริ่มศึกษาการบินและอวกาศที่มหาวิทยาลัย Delft (เนเธอร์แลนด์) แต่สำหรับการเมืองดี (ข้อพิพาทเวสต์นิวกีนี roomates เกี่ยวข้องเนเธอร์แลนด์และอินโดนีเซีย) เขามีต่อการศึกษาของเขาในอาเค่น, เยอรมนี . [2] เขาได้รับแต่งตั้งเป็นเพื่อน [1] ของ Royal Academy of Engineering [1] ในปี 1990 ในปี 1960, ฮาบิบีได้รับปริญญาในสาขาวิศวกรรมในประเทศเยอรมนีให้เขาชื่อ Diplom-Ingenieur เขายังคงอยู่ในประเทศเยอรมนีเป็นผู้ช่วยวิจัยภายใต้การฮันส์ Ebner ที่ Lehrstuhl และ Institut für Leichtbau, RWTH Aachen เพื่อดำเนินการวิจัยในระดับปริญญาเอกของเขา. [3] ในปี 1962 ฮาบิบีกลับไปยังประเทศอินโดนีเซียเป็นเวลาสามเดือนในวันที่ลาป่วย ในช่วงเวลานี้เขาได้คุ้นเคยกับ Hasri Ainun ลูกสาวของอาร์ Mohamad Besari Hasri Ainun ฮาบิบีเคยรู้จักในวัยเด็กในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนมัธยมคริสเตียนบันดุง ทั้งสองแต่งงานกันวันที่ 12 พฤษภาคม 1962 กลับไปยังประเทศเยอรมนีหลังจากนั้นไม่นาน. [4] ฮาบิบีและภรรยาของเขาตั้งรกรากอยู่ในอาเค่นในช่วงเวลาสั้นก่อนที่จะย้ายไป Oberforstbach ในปี 1963 พวกเขาเดือนพฤษภาคมมีลูกชายคนหนึ่ง Ilham อัคบาร์ฮาบิบี. เมื่อเงินเดือนค่าจ้างขั้นต่ำของฮาบิบีบังคับให้เขาในการทำงานนอกเวลาเขาพบว่าการจ้างงานกับยานยนต์ยี่ห้อทัลบอตที่เขากลายเป็นที่ปรึกษา ฮาบิบีทำงานในสองโครงการที่ได้รับเงินทุนจาก Bundesbahn ดอยซ์. เนื่องจากการทำงานของเขากับ Makosh หัวของการก่อสร้างรถไฟเสนอตำแหน่งของเขาที่จะฮาบิบีเมื่อออกจากสามปีต่อมา แต่ฮาบิบีปฏิเสธ. [5] [ชี้แจงจำเป็น] ในปี 1965, ฮาบิบี ส่งวิทยานิพนธ์ของเขาในด้านวิศวกรรมการบินและอวกาศและได้รับเกรดของ "ดีมาก" สำหรับวิทยานิพนธ์ของเขาให้เขาชื่อ Doktor der Ingenieurwissenschaften ในปีเดียวกันเขายอมรับข้อเสนอของฮันส์ Ebner เพื่อดำเนินการต่อการวิจัยของเขาใน Thermoelastisitas และทำงานต่อ Habilitation ของเขา แต่เขาปฏิเสธข้อเสนอที่จะเข้าร่วม RWTH เป็นอาจารย์ต่อ วิทยานิพนธ์ของเขาเกี่ยวกับการก่อสร้างแสงเหนือหรือชวนยังระบุดึงดูดข้อเสนอของการจ้างงานจาก บริษัท เช่นโบอิ้งและแอร์บัสที่ฮาบิบีปฏิเสธอีกครั้ง. [6] ฮาบิบีได้รับตำแหน่งกับ Messerschmitt-Bölkow-Blohm ในฮัมบูร์ก ที่นั่นเขาได้พัฒนาทฤษฎีเกี่ยวกับอุณหพลศาสตร์การก่อสร้างและอากาศพลศาสตร์ที่รู้จักกันเป็นปัจจัยฮาบิบี, ฮาบิบีทฤษฏีและวิธีการฮาบิบีตามลำดับ เขาทำงานให้กับ Messerschmit ในการพัฒนาเครื่องบินแอร์บัส A-300B ในปี 1974 เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้รองประธานของ บริษัท . [7] เวลาฮาบิบีในยุโรปอาจจะทำให้ความสนใจของเขาในกล้อง Leica