Pada tahun 1968, BJ Habibie telah m

Pada tahun 1968, BJ Habibie telah mengundang sejumlah insinyur untuk bekerja di industri pesawat terbang Jerman. Sekitar 40 insinyur Indonesia akhirnya dapat bekerja di MBB atas rekomendasi Pak Habibie. Hal ini dilakukan untuk mempersiapkan skill dan pengalaman (SDM) insinyur Indonesia untuk suatu saat bisa kembali ke Indonesia dan membuat produk industri dirgantara (dan kemudian maritim dan darat). Dan ketika (Alm) Presiden Soeharto mengirim Ibnu Sutowo ke Jerman untuk menemui seraya membujuk Habibie pulang ke Indonesia, BJ Habibie langsung bersedia dan melepaskan jabatan, posisi dan prestise tinggi di Jerman. Hal ini dilakukan BJ Habibie demi memberi sumbangsih ilmu dan teknologi pada bangsa ini. Pada 1974 di usia 38 tahun, BJ Habibie pulang ke tanah air. Iapun diangkat menjadi penasihat pemerintah (langsung dibawah Presiden) di bidang teknologi pesawat terbang dan teknologi tinggi hingga tahun 1978. Meskipun demikian dari tahun 1974-1978, Habibie masih sering pulang pergi ke Jerman karena masih menjabat sebagai Vice Presiden dan Direktur Teknologi di MBB.

Habibie mulai benar-benar fokus setelah ia melepaskan jabatan tingginya di Perusahaan Pesawat Jerman MBB pada 1978. Dan sejak itu, dari tahun 1978 hingga 1997, ia diangkat menjadi Menteri Negara Riset dan Teknologi (Menristek) sekaligus merangkap sebagai Ketua Badan Pengkajian dan Penerapan Teknologi (BPPT). Disamping itu Habibie juga diangkat sebagai Ketua Dewan Riset Nasional dan berbagai jabatan lainnya.

Pesawat CN-235 milik Angkatan Udara Turki
Pesawat CN-235 karya IPTN milik AU Spanyol
Ketika menjadi Menristek, Habibie mengimplementasikan visinya yakni membawa Indonesia menjadi negara industri berteknologi tinggi. Ia mendorong adanya lompatan dalam strategi pembangunan yakni melompat dari agraris langsung menuju negara industri maju. Visinya yang langsung membawa Indonesia menjadi negara Industri mendapat pertentangan dari berbagai pihak, baik dalam maupun luar negeri yang menghendaki pembangunan secara bertahap yang dimulai dari fokus investasi di bidang pertanian. Namun, Habibie memiliki keyakinan kokoh akan visinya, dan ada satu “quote” yang terkenal dari Habibie yakni :

“I have some figures which compare the cost of one kilo of airplane compared to one kilo of rice. One kilo of airplane costs thirty thousand US dollars and one kilo of rice is seven cents. And if you want to pay for your one kilo of high-tech products with a kilo of rice, I don’t think we have enough.” (Sumber : BBC: BJ Habibie Profile -1998.)

Kalimat diatas merupakan senjata Habibie untuk berdebat dengan lawan politiknya. Habibie ingin menjelaskan mengapa industri berteknologi itu sangat penting. Dan ia membandingkan harga produk dari industri high-tech (teknologi tinggi) dengan hasil pertanian. Ia menunjukkan data bahwa harga 1 kg pesawat terbang adalah USD 30.000 dan 1 kg beras adalah 7 sen (USD 0,07). Artinya 1 kg pesawat terbang hampir setara dengan 450 ton beras. Jadi dengan membuat 1 buah pesawat dengan massa 10 ton, maka akan diperoleh beras 4,5 juta ton beras.

Pola pikir Pak Habibie disambut dengan baik oleh Pak Harto.Pres. Soeharto pun bersedia menggangarkan dana ekstra dari APBN untuk pengembangan proyek teknologi Habibie. Dan pada tahun 1989, Suharto memberikan “kekuasan” lebih pada Habibie dengan memberikan kepercayaan Habibie untuk memimpin industri-industri strategis seperti Pindad, PAL, dan PT IPTN.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในปี 2511, Habibie วิลล์ได้เชิญจำนวนวิศวกรที่ทำงานในอุตสาหกรรมอากาศยานของเยอรมนี วิศวกรประมาณ 40 ในที่สุดอินโดนีเซียสามารถได้ที่ MBB ในการแนะนำของนาย Habibie นี้จะทำเพื่อเตรียมความพร้อมทักษะ และอินโดนีเซีย (HR) วิศวกรผู้มีประสบการณ์สำหรับครู่สามารถกลับไปยังอินโดนีเซีย และทำให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ (แล้วทะเล และที่ดิน) และเมื่อ (เอ) ประธานาธิบดีซูส่ง Ibnu Sutowo ไปเยอรมนีเพื่อตอบสนอง และจูง Habibie กลับสู่อินโดนีเซีย วิลล์ Habibie ทันทียินดี relinquished ตำแหน่งและศักดิ์ศรีสูงในเยอรมนี นี้แล้ว BJ Habibie เพื่อให้สัดส่วนของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในประเทศ ในปีพ.ศ. 2517 อายุ 38 ปี วิลล์ Habibie กลับไปพรรคเพื่อแผ่นดิน เขาถูกแต่งตั้งที่ปรึกษารัฐบาล (ภายใต้ประธานาธิบดี) ในฟิลด์ของเทคโนโลยีไฮเทคและอากาศยานจนถึงอธิบดี แต่ จาก 1974-1978, Habibie ยังมักจะเดินทางไปเยอรมนีเนื่องจากมันยังคงทำหน้าที่เป็นรองประธานและผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีที่ MBBHabibie เริ่มโฟกัสหลังจากเขา relinquished เขาสูงในประเทศเยอรมนีเครื่องบินบริษัท MBB ใน 1978 อย่างแท้จริง และตั้งแต่ นั้นมา จากอธิบดีการ 1997 เขาถูกแต่งตั้งรัฐมนตรีรัฐการวิจัยและเทคโนโลยี (รัฐมนตรี) และพร้อม เป็นประธานของหน่วยงานเพื่อการประเมินและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี (BPPT) นอกจากนี้ Habibie ยังแต่งตั้งประธานสภาวิจัยแห่งชาติและสำนักงานต่าง ๆ อื่น ๆเครื่องบิน CN 235 แห่งกองทัพอากาศตุรกีเครื่องบิน Casa CN 235 งานเจ้าสเปน AU IPTNในขณะที่หน้าที่เป็นรัฐมนตรีว่าการ Habibie จะนำวิสัยทัศน์ของเขาเช่นนำอินโดนีเซียในอุตสาหกรรมไฮเทคของประเทศ เขาส่งเสริมให้การดำรงอยู่ของการกระโดดในการพัฒนากลยุทธ์เช่นไปจากเทคโนโลยีอุตสาหกรรมประเทศไปข้างหน้า วิสัยทัศน์ของเขาที่ทันทีนำอินโดนีเซียเป็นประเทศอุตสาหกรรมมีฝ่ายค้านจากฝ่ายต่าง ๆ ทั้งภายใน และภาย นอกประเทศที่ปรารถนาการพัฒนาสมดุลที่เริ่มต้นจากความสำคัญของการลงทุนในการเกษตร อย่างไรก็ตาม Habibie มีแข็งเรียนจะมีวิสัยทัศน์ของเขา และมีการ "อ้างอิง" จาก Habibie เช่น:"แล้วบางตัวเลขที่เปรียบเทียบต้นทุนกิโลหนึ่งของเครื่องบินเมื่อเปรียบเทียบกับหนึ่งกิโลของข้าว กิโลหนึ่งของต้นทุนเครื่องบินสามสิบพันดอลลาร์และหนึ่งกิโลของข้าวได้ 7 เซนต์ และถ้าคุณต้องการจ่ายค่ากิโลของคุณหนึ่งผลิตภัณฑ์ไฮเทคกับกิโลข้าว ฉันไม่คิดว่า เราพอ" (แหล่งที่มา: BBC: วิลล์ Habibie โปรไฟล์-1998.)ประโยคข้างต้นคือ อาวุธของ Habibie เถียงกับฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของเขา Habibie อยากอธิบายเหตุผลของเทคโนโลยีอุตสาหกรรมเป็นสิ่งสำคัญมาก เขาเปรียบเทียบราคาของผลิตภัณฑ์จากสูงเทคนิคอุตสาหกรรม (ไฮเทค) และผลผลิตทางการเกษตร จะแสดงข้อมูลว่าราคาของเครื่องบิน 1 กิโลกรัม USD 30000 และ 1 กิโลกรัมข้าว 7 เซนต์ (USD 0.07) ซึ่งหมายความ ว่า 1 กิโลกรัมของเครื่องบินเกือบเทียบเท่าข้าว 450 ตัน ดังนั้น โดยการทำเครื่องบินชิ้น 1 กับมวล 10 ตัน มันจะได้ดึงข้อมูล 4.5 ล้านตันของข้าวข้าวความคิดของ Habibie ปากถูกต้อนรับดี โดยนาย Soeharto เค้น Soeharto ยินดีเงินใด ๆ เพิ่มเติมจาก menggangarkan สถานะงบประมาณสำหรับโครงการพัฒนาเทคโนโลยี Habibie และในปี 1989 ซู "ต่อ" ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Habibie ให้เชื่อถือ Habibie นำอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์ เช่น Pindad, PAL, PT IPTN

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในปี 1968 บีเจฮาบิบีได้เชิญจำนวนของวิศวกรที่จะทำงานในอุตสาหกรรมการบินของเยอรมนี เกี่ยวกับ 40 วิศวกรอินโดนีเซียในที่สุดก็สามารถทำงานใน MBB ตามคำแนะนำของนายฮาบิบี นี้ทำเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับทักษะและประสบการณ์ (SDM) วิศวกรอินโดนีเซียสักวันหนึ่งจะกลับไปประเทศอินโดนีเซียและผลิตภัณฑ์ที่ทำอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ (แล้วทางทะเลและบนบก) และเมื่อ (ปลาย) กรรมการผู้จัดการใหญ่ Soeharto ส่ง Ibnu Sutowo ไปยังประเทศเยอรมนีเพื่อตอบสนองในขณะที่การจูงใจฮาบิบีกลับไปยังประเทศอินโดนีเซีย BJ ฮาบิบีทันทีเต็มใจและออกจากตำแหน่งตำแหน่งและศักดิ์ศรีสูงในประเทศเยอรมนี นี้จะกระทำฮาบิบีบีเจเพื่อประโยชน์ของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีส่วนช่วยให้ประเทศนี้ ในปี 1974 เมื่ออายุได้ 38 ปีที่ผ่านมาบีเจฮาบิบีกลับไปยังบ้านเกิดของพวกเขา และเขาได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาของรัฐบาล (โดยตรงภายใต้ประธานาธิบดี) ในสาขาเทคโนโลยีอากาศยานและเทคโนโลยีชั้นสูงจนถึงปี 1978 แต่จากปี 1974-1978, ฮาบิบียังคงบ่อยเดินทางไปยังประเทศเยอรมนีเพราะมันยังคงทำหน้าที่ในฐานะรองประธานและผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยี MBB. ฮาบิบี เริ่มจริงๆเน้นหลังจากที่เขายิงสำนักงานสูงในประเทศเยอรมนี MBB อากาศยาน บริษัท ในปี 1978 และตั้งแต่นั้น 1978-1997 เขาได้รับแต่งตั้งรัฐมนตรีแห่งรัฐเพื่อการวิจัยและเทคโนโลยี (Technology) นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นประธานของหน่วยงานสำหรับการประเมินและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี (BPPT ) นอกจากนี้ฮาบิบีได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติและตำแหน่งอื่น ๆ อีกมากมาย. เครื่องบิน CN-235 ที่เป็นของกองทัพอากาศตุรกีเครื่องบินCN-235 ผลงานที่เป็นของออสเตรเลีย IPTN สเปนเมื่อมันกลายเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีฮาบิบีจะใช้วิสัยทัศน์ของการนำอินโดนีเซียเข้าสู่สถานะของอุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยีสูง เขาผลักดันให้ก้าวกระโดดในกลยุทธ์การพัฒนาของการกระโดดกรตรงไปยังประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย วิสัยทัศน์ของเขาถูกนำตัวไปยังประเทศอินโดนีเซียทันทีเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับการต่อต้านจากหลายฝ่ายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศซึ่งจะต้องมีการพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไปที่เริ่มต้นจากการมุ่งเน้นการลงทุนในภาคเกษตร อย่างไรก็ตามฮาบิบีมีความเชื่อมั่นคงจะเป็นวิสัยทัศน์ของเขาและมี "คำพูด" จากฮาบิบีที่มีชื่อเสียง: "ผมมีตัวเลขบาง roomates เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายของหนึ่งกิโลกรัมของเครื่องบินเมื่อเทียบกับหนึ่งกิโลกรัมของข้าว หนึ่งกิโลค่าใช้จ่ายเครื่องบินสามหมื่นดอลลาร์สหรัฐและกิโลหนึ่งในข้าวเจ็ดเซ็นต์ และถ้าคุณต้องการที่จะจ่ายสำหรับหนึ่งกิโลกรัมของผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีสูงด้วยกิโลข้าวผมไม่คิดว่าเรามีพอ ". (ที่มา: บีบีซี. บีเจฮาบิบีข้อมูลส่วนตัว -1998) ประโยคข้างต้นเป็นอาวุธฮาบิบีที่จะโต้แย้ง กับฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของเขา ฮาบิบีอยากจะอธิบายว่าทำไมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญมาก และเขาเปรียบเทียบราคาของผลิตภัณฑ์จากอุตสาหกรรมไฮเทค (ไฮเทค) กับสินค้าเกษตร เขาแสดงให้เห็นว่าราคา 1 กิโลกรัมของเครื่องบินข้อมูล USD 30,000 และ 1 กิโลกรัมของข้าว 7 เซนต์ (USD 0.07) ก็หมายความว่า 1 กิโลกรัมของเครื่องบินเกือบจะเทียบเท่ากับ 450 ตันของข้าว ดังนั้นโดยการทำ 1 ชิ้นส่วนของเครื่องบินกับมวลของ 10 ตันก็จะได้รับข้าว 4.5 ล้านตันข้าว. ความคิดปากฮาบิบีโดยมีนาย Harto.Pres Soeharto ก็เต็มใจที่ menggangarkan เงินพิเศษจากงบประมาณของรัฐในการพัฒนาโครงการฮาบิบีเทคโนโลยี และในปี 1989, ซูฮาร์โตให้ "อำนาจ" มากกว่าฮาบิบีฮาบิบีที่จะให้ความมั่นใจที่จะนำไปสู่อุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์เช่น Pindad, PAL และ PT IPTN